วันพุธที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2560

บันทึกการเรียนครั้งที่ 16
วันพุธที่ 19 เมษายน 2560


เนื้้อหาการเรียนการสอน

การเขียนแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP)




ตัวอย่างแผน IEP
















ตัวอย่างผังกราฟฟิก















ความรู้ที่ได้รับและการนำไปใช้
       สามารถนำความรู้ในการเขียนแผนและการทำผังกราฟฟิกไปใช้ในชีวิตจริงและสามารถ
นำไปเป็นแนวทางในการเรียนการสอนได้

การประเมิน
   - ประเมินตนเอง : ตั้งใจเรียน ตั้งใจฟังอาจารย์อธิบาย 
   - ประเมินเพื่อน   : ตั้งใจเรียน ให้ความร่วมมือในการฟังเมื่อครูสอนฃ
   - ประเมินอาจารย์ : ตรงต่อเวลา การแต่งกายเรียบร้อย น่ารัก พูดจาไพเราะ เตรียมการสอน
                              มาได้ครบถ้วนและดีมาก











วันพุธที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2560

บันทึกการเรียนครั้งที่ 15
วันพุธที่ 12 เมษายน 2560



วันหยุดเทศกาล สงกรานต์


วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2560

บันทึกการเรียนครั้งที่ 14
วันพุธที่ 5 เมษายน 2560



ไม่มีการเรียนการสอน 
เนื่องจากอาจารย์ได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรที่ จังหวัดอ่างทอง


วันอังคารที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2560

บันทึกการเรียนครั้งที่ 13
วันพุธที่ 29 มีนาคม 2560

เมื่อมาถึงห้องเรียนครบทุกคนแล้ว อาจารย์ได้ให้นักศึกษาทำกิจกรรมก่อนที่จะเริ่ม
เข้าสู่ของเนื้อหาการเรียนการสอน
กิจกรรมที่ 1กิจกรรมมือของฉัน
(ให้นักศึกษาวาดรูปมือของตนเองโดยที่ไม่ให้ดูมือตนเอง ต่อมาให้สลับกันกับเพื่อนโดยอาจารย์
จะเป็นคนสลับให้ จากนั้นให้เราไปตามหาเจ้าของมือตามในรูปที่เราได้รับว่าเป็นมือของใคร)




กิจกรรมที่ 2 กิจกรรมวงกลมหลากสี
(เป็นกิจกรรมที่ให้ใช้สีทำเป็นรูปวงกลมตามใจชอบของตนเอง 
แล้วอาจารย์จะบอกความหมายของ อารมณ์ ของแต่ละสี และขนาดของวงกลมที่ตนเองทำ)




กิจกรรมที่ 3 กิจกรรมต้นไม้แห่งจิตใจของห้องเรียน
(เป็นกิจกรรมที่อาจารย์ให้นำผลงานวงกลมหลากสีของตนเองไปติดที่หน้าห้องเรียน
แล้วอาจารย์ก็จะบอกความหมายของการติดผลงานของตนเองว่าอยู่ในส่วนตรงนี้หมายถึงอะไร)



เนื้อหาการเรียนการสอน

โปรแกรมการศึกษาเฉพาะบุคคล 
(Individualized Education Program)

แผน IEP
     • แผนการศึกษาที่ร่างขึ้น
     • เพื่อให้เด็กพิเศษแต่ละคนได้รับการสอน และการช่วยเหลือฟื้นฟูให้เหมาะสมกับความต้องการ
       และความสามารถของเขา
     • ด้วยการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็ก
     • โดยระบุเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดการใช้แผนและวิธีการวัดประเมินผลเด็ก
การเขียนแผน IEP
     • คัดแยกเด็กพิเศษ
     • ครูต้องรู้ว่าเด็กมีปัญหาอะไร
     • ประเมินพัฒนาการเด็กเป็นระยะ จะทำให้ทราบว่าจะต้องเริ่มช่วยเหลือเด็กจากจุดไหน 
       ในทักษะใด
     • เด็กสามารถทำอะไรได้  / เด็กไม่สามารถทำอะไรได้
     • แล้วจึงเริ่มเขียนแผน IEP
IEP ประกอบด้วย
     • ข้อมูลส่วนตัวของเด็ก
     • ระบุว่าเด็กมีความจำเป็นต้องได้รับบริการพิเศษอะไรบ้าง
     • การระบุความสามารถของเด็กในขณะปัจจุบัน
     • เป้าหมายระยะยาวประจำปี / ระยะสั้น
     • ระบุวัน เดือน ปี ที่เริ่มทำการสอน และคาดคะเนการสิ้นสุดของแผน
     • วิธีการประเมินผล
ประโยชน์ต่อเด็ก
     • ได้เรียนรู้ตามความสามารถของตน
     • ได้มีโอกาสพัฒนาตามศักยภาพของตน
     • ได้รับการศึกษาและฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม
     • ถ้าเด็กเข้าเรียนในโรงเรียนจะไม่ถูกจัดเข้าชั้นเรียนเฉยๆ
ประโยชน์ต่อครู
     • เป็นแนวทางการจัดการเรียนการสอนที่ตรงกับความสามารถและความต้องการของเด็ก
     • เป็นแนวทางในการเลือกสื่อการสอนและวิธีการสอนให้เหมาะกับเด็ก
     • ปรับเปลี่ยนได้เมื่อความต้องการเปลี่ยนแปลงไป
     • เป็นแนวทางในการประเมินผลการเรียนและการเขียนรายงานพัฒนาการความก้าวหน้าของเด็ก
     • ตรวจสอบและประเมินได้เป็นระยะ
ประโยชน์ต่อผู้ปกครอง
     • ได้มีส่วนร่วมในการจัดทำแผนการเรียนรายบุคคล เพื่อให้เด็กได้พัฒนาความสามารถได้สูงสุด
       ตามศักยภาพ
     • ทราบร่วมกับครูว่าจะฝึกลูกของตนอย่างไร
     • เกิดความร่วมมือในการพัฒนาเด็ก มีการติดต่อสื่อสารกันอย่างต่อเนื่อง และใกล้ชิดระหว่างบ้าน
       กับโรงเรียน

ขั้นตอนการจัดทำแผนการศึกษารายบุคคล
   1. การรวบรวมข้อมูล
       • รายงานทางการแพทย์
       • รายงานการประเมินด้านต่างๆ
       • บันทึกจากผู้ปกครอง ครู และผู้ที่เกี่ยวข้อง
   2. การจัดทำแผน
       • ประชุมผู้ที่เกี่ยวข้อง
       • กำหนดจุดมุ่งหมายระยะยาวและระยะสั้น
       • กำหนดโปรแกรมและกิจกรรม
       • จะต้องได้รับการรับรองแผนการศึกษาเฉพาะบุคคลจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
การกำหนดจุดมุ่งหมาย
     • ระยะยาว
     • ระยะสั้น
   จุดมุ่งหมายระยะยาว
   • กำหนดให้ชัดเจน แม้จะกว้าง
     – น้องนุ่นช่วยเหลือตนเองได้
     – น้องดาวร่วมมือกับผู้อื่นได้ดีขึ้น
     – น้องริวเข้ากับเพื่อนคนอื่นๆได้
   จุดมุ่งหมายระยะสั้น
   • ตั้งให้อยู่ภายใต้จุดมุ่งหมายหลัก
   • เป็นพฤติกรรมที่เด็กสามารถทำได้ในระยะ 2-3 วัน หรือ 2-3 สัปดาห์
   • จะสอนใคร
   • พฤติกรรมอะไร
   • เมื่อไหร่ ที่ไหน (ที่พฤติกรรมนั้นจะเกิด)
   • พฤติกรรมนั้นต้องดีขนาดไหน
         • ใคร 
         • อะไร 
         • เมื่อไหร่ / ที่ไหน 
         • ดีขนาดไหน
   3. การใช้แผน
      • เมื่อแผนเสร็จสมบูรณ์ ครูจะนำไปใช้โดยจะใช้แผนระยะสั้น
      • นำมาทำเป็นจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
      • แยกย่อยขั้นตอนการสอนให้เหมาะกับเด็ก
      • จัดเตรียมสื่อและจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
      • ต้องมีการสังเกตเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเด็กและความสามารถ โดยคำนึงถึง
        1.ขั้นตอนพัฒนาการของเด็กปกติ
        2.ตัวชี้วัดพื้นฐานที่เกี่ยวกับปัญหาของพัฒนาการเด็ก
        3.อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมของเด็กและผู้ใหญ่ที่มีผลต่อการแสดงออกของเด็ก
   4. การประเมินผล
       • โดยทั่วไปจะประเมินภาคเรียนละครั้ง หรือย่อยกว่านั้น
       • ควรมีการกำหนดวิธีการประเมิน และเกณฑ์วัดผล

** การประเมินในแต่ละทักษะหรือแต่ละกิจกรรม
                               อาจใช้วิธีวัดและกำหนดเกณฑ์แตกต่างกัน **


ความรู้ที่ได้รับและการนำไปใช้
         ได้ความรู้เกี่ยวกับเด็กพิเศษและเด็กที่มีความบกพร่องทางด้านต่างๆ และยังได้ทบทวนความรู้
เดิมจากการเรียนการสอนเด็กพิเศษที่ผ่านมา สามารถนำไปใช้ให้เกิดความจำที่แม่นยำที่ดีกว่าเดิม

การประเมิน
   - ประเมินตนเอง : ตั้งใจเรียน ตั้งใจฟังอาจารย์อธิบาย 
   - ประเมินเพื่อน   : ตั้งใจเรียน ให้ความร่วมมือในการฟังเมื่อครูสอนฃ
   - ประเมินอาจารย์ : ตรงต่อเวลา เตรียมการสอนมาได้ครบถ้วนและดีมาก

วันอังคารที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2560

บันทึกการเรียนครั้งที่ 12
วันพุธที่ 22 มีนาคม 2560

เนื้อหาการเรียนการสอน

การส่งเสริมพัฒนาการและการปรับพฤติกรรมเด็กปฐมวัย
ที่มีความต้องการพิเศษ

        • เพื่อให้เด็กสามารถช่วยเหลือตนเองได้ในชีวิตประจำวัน

• ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ใกล้เคียงกับคนปกติมากที่สุด 

• เน้นการดูแลแบบองค์รวม (Holistic Approach)
1. การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการศึกษา
   • เพิ่มทักษะพื้นฐานด้านสังคม การสื่อสาร และทักษะทางความคิด
   • เกิดผลดีในระยะยาว
   • เน้นการเตรียมความพร้อมเพื่อให้เด็กสามารถใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆแทนการฝึกแต่เพียง
     ทักษะทางวิชาการ
   • แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (Individualized Education Program; IEP)
   • โรงเรียนการศึกษาพิเศษเฉพาะทาง โรงเรียนเรียนร่วม ห้องเรียนคู่ขนาน
2. การฟื้นฟูสมรรถภาพทางสังคม
   • การฝึกฝนทักษะในชีวิตประจำวัน (Activity of Daily Living Training)
   • การฝึกฝนทักษะสังคม (Social Skill Training)
   • การสอนเรื่องราวทางสังคม (Social Story)
3. การบำบัดทางเลือก
   • การสื่อความหมายทดแทน (AAC)
   • ศิลปกรรมบำบัด (Art Therapy)
   • ดนตรีบำบัด (Music Therapy)
   • การฝังเข็ม (Acupuncture)
   • การบำบัดด้วยสัตว์ (Animal Therapy)
การสื่อความหมายทดแทน  
(Augmentative and Alternative Communication ; AAC)
        • การรับรู้ผ่านการมอง (Visual Strategies)

• โปรแกรมแลกเปลี่ยนภาพเพื่อการสื่อสาร 
   
   (Picture Exchange Communication System; PECS)

• เครื่องโอภา (Communication Devices)

• โปรแกรมปราศรัย
      
Picture Exchange
Communication System (PECS)





บทบาทของครู
   • ตำแหน่งการนั่งของเด็กไม่ควรให้นั่งติดหน้าต่างหรือประตู
   • ให้เด็กนั่งแถวหน้าสุดใกล้โต๊ะครู
   • จัดให้เด็กนั่งติดกับนักเรียนที่ไม่ค่อยเล่น ไม่ค่อยคุยในระหว่างเรียน
   • ให้เด็กมีกิจกรรม เปลี่ยนอิริยาบถบ้าง 

การส่งเสริมทักษะต่างๆของเด็กพิเศษ
  1. ทักษะทางสังคม
      • เด็กพิเศษที่ขาดทักษะทางสังคม ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการพ่อแม่
      • การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันว่าเด็กจะมีพัฒนาการต่างๆอย่างมีความสุข
     กิจกรรมการเล่น
      • การเล่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้ทักษะทางสังคม
      • เด็กจะสนใจกันเองโดยอาศัยการเล่นเป็นสื่อ
      • ในช่วงแรกๆ เด็กจะไม่มองเด็กคนอื่นเป็นเพื่อน  แต่เป็นอะไรบางอย่างที่น่าสำรวจ สัมผัส 
        ผลัก ดึง
     ยุทธศาสตร์การสอน
      • เด็กพิเศษหลายๆคนไม่รู้วิธีเล่น  ไม่รู้ว่าจะเล่นอย่างไร
      • ครูเริ่มต้นจากการสังเกตเด็กแต่ละคนอย่างเป็นระบบ
      • จะบอกได้ว่าเด็กมีทักษะการเล่นแบบใดบ้าง
      • ครูจดบันทึก
      • ทำแผน IEP
     การกระตุ้นการเลียนแบบและการเอาอย่าง
      • วางแผนกิจกรรมการเล่นไว้หลายๆอย่าง
      • คำนึงถึงเด็กทุกๆคน
      • ให้เด็กเล่นเป็นกลุ่มเล็กๆ 2-4 คน
      • เด็กปกติทำหน้าที่เหมือน “ครู” ให้เด็กพิเศษ
     ครูปฏิบัติอย่างไรขณะเด็กเล่น
      • อยู่ใกล้ๆ และเฝ้ามองอย่างสนใจ
      • ยิ้มและพยักหน้าให้ ถ้าเด็กหันมาหาครู
      • ไม่ชมเชยหรือสนใจเด็กมากเกินไป
      • เอาวัสดุอุปกรณ์มาเพิ่ม เพื่อยืดเวลาการเล่น
      • ให้ความคิดเห็นที่เป็นแรงเสริม
     การให้แรงเสริมทางสังคมในบริบทที่เด็กเล่น
      • ครูพูดชักชวนให้เด็กร่วมเล่นกับเพื่อน
      • ทำโดย “การพูดนำของครู”
     ช่วยเด็กทุกคนให้รู้กฎเกณฑ์
      • ไม่ง่ายสำหรับเด็กพิเศษ
      • การให้โอกาสเด็ก
      • เด็กพิเศษต้องเรียนรู้สิทธิต่างๆเหมือนเพื่อนในห้อง
      • ครูต้องไม่ใช้ความบกพร่องของเด็กพิเศษเป็นเครื่องต่อรอง
   
  2. ทักษะภาษา
     การวัดความสามารถทางภาษา
      • เข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นพูดไหม
      • ตอบสนองเมื่อมีคนพูดด้วยไหม
      • ถามหาสิ่งต่างๆไหม
      • บอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นไหม
      • ใช้คำศัพท์ของตัวเองกับเด็กคนอื่นไหม
     การออกเสียงผิด / พูดไม่ชัด
      • การพูดตกหล่น
      • การใช้เสียงหนึ่งแทนอีกเสียง
      • ติดอ่าง
     การปฏิบัติของครูและผู้ใหญ่
      • ไม่สนใจการพูดซ้ำหรือการออกเสียงไม่ชัด
      • ห้ามบอกเด็กว่า  “พูดช้าๆ”   “ตามสบาย”   “คิดก่อนพูด”
      • อย่าขัดจังหวะขณะเด็กพูด
      • อย่าเปลี่ยนการใช้มือข้างที่ถนัดของเด็ก
      • ไม่เปรียบเทียบการพูดของเด็กกับเด็กคนอื่น
      • เด็กที่พูดไม่ชัดอาจเกี่ยวข้องกับการได้ยิน
     ทักษะพื้นฐานทางภาษา
      • ทักษะการรับรู้ภาษา
      • การแสดงออกทางภาษา
      • การสื่อความหมายโดยไม่ใช้คำพูด
พฤติกรรมตอบสนองการแสดงออกทางภาษา



พฤติกรรมเริ่มการแสดงออกของเด็ก


    
      ความรับผิดชอบของครูปฐมวัย
      • การรับรู้ภาษามาก่อนการแสดงออกทางภาษา
      • ภาษาที่ไม่ใช่คำพูดมาก่อนภาษาพูด
      • ให้เวลาเด็กได้พูด
      • คอยให้เด็กตอบ (ชี้แนะหากจำเป็น)
      • เป็นผู้ฟังที่ดีและโตต้อบอย่างฉับไว (ครูไม่พูดมากเกินไป)
      • เด็กไม่ได้เรียนรู้ภาษาจากการฟังเพียงอย่างเดียว
      • ให้เด็กทำกิจกรรมกลุ่ม เด็กพิเศษได้มีแบบอย่างจากเพื่อน
      • กระตุ้นให้เด็กบอกความต้องการของตนเอง (ครูไม่คาดการณ์ล่วงหน้า)
      • เน้นวิธีการสื่อความหมายมากกว่าการพูด
      • ใช้คำถามปลายเปิด
      • เด็กพิเศษรับรู้มากเท่าไหร่ ยิ่งพูดได้มากเท่านั้น
      • ร่วมกิจกรรมกับเด็ก
การสอนตามเหตุการณ์(Incidental Teaching)





   3. ทักษะการช่วยเหลือตนเอง
      เรียนรู้การดำรงชีวิตโดยอิสระให้มากที่สุด
                       การกินอยู่
                    การเข้าห้องน้ำ
                      การแต่งตัว
            กิจวัตรต่างๆในชีวิตประจำวัน
     การสร้างความอิสระ
      • เด็กอยากช่วยเหลือตนเอง
      • อยากทำงานตามความสามารถ
      • เด็กเลียนแบบการช่วยเหลือตนเองจากเพื่อน เด็กที่โตกว่า และผู้ใหญ่



     ความสำเร็จเป็นสิ่งสำคัญ
      • การได้ทำด้วยตนเอง
      • เชื่อมั่นในตนเอง
      • เรียนรู้ความรู้สึกที่ดี
     หัดให้เด็กทำเอง
      • ไม่ช่วยเหลือเกินความจำเป็น (ใจแข็ง)
      • ผู้ใหญ่มักทำสิ่งต่างๆให้เด็กมากเกินไป
      • ทำให้แม้กระทั่งสิ่งที่เด็กสามารถทำได้เองหากให้เวลาเขาทำ
      • “ หนูทำช้า ”  “ หนูยังทำไม่ได้ ” 
     จะช่วยเมื่อไหร่
      • เด็กก็มีบางวันที่ไม่อยากทำอะไร , หงุดหงิด , เบื่อ , ไม่ค่อยสบาย
      • หลายครั้งเด็กจะขอความช่วยเหลือในสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปแล้ว
      • เด็กรู้สึกว่ายังมีผู้ใหญ่ที่พึ่งได้ แต่ต้องได้รับความช่วยเหลือเฉพาะสิ่งที่เด็กต้องการ
      • มักช่วยเด็กในช่วงกิจกรรม

ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 2-3 ปี)



ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 3-4 ปี)



ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 4-5 ปี)



ทักษะการช่วยเหลือตนเอง (อายุ 5-6 ปี)


     ลำดับขั้นในการช่วยเหลือตนเอง
      • แบ่งทักษะการช่วยเหลือตนเองออกเป็นขั้นย่อยๆ
      • เรียงลำดับตามขั้นตอน
     การเข้าส้วม
      • เข้าไปในห้องส้วม
      • ดึงกางเกงลงมา
      • ก้าวขึ้นไปนั่งบนส้วม
      • ปัสสาวะหรืออุจจาระ
      • ใช้กระดาษชำระเช็ดก้น
      • ทิ้งกระดาษชำระในตะกร้า
      • กดชักโครกหรือตักน้ำราด
      • ดึงกางเกงขึ้น
      • ล้างมือ
      • เช็ดมือ
      • เดินออกจากห้องส้วม


    สรุป
      • ครูต้องพยายามให้เด็กทำสิ่งต่างๆด้วยตนเอง
      • ย่อยงานแต่ละอย่างเป็นขั้นๆ
      • ความสำเร็จขั้นเล็กๆนำไปสู่ความสำเร็จทั้งมวล
      • ช่วยให้เด็กมีความมั่นใจในตนเอง
      • เด็กพึ่งตนเองได้ รู้สึกเป็นอิสระ
  
  4. ทักษะพื้นฐานทางการเรียน
     เป้าหมาย
      • การช่วยให้เด็กแต่ละคนเรียนรู้ได้ 
      • มีความรู้สึกดีต่อตนเอง
      • เด็กรู้สึกว่า “ฉันทำได้”
      • พัฒนาความกระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น
      • อยากสำรวจ อยากทดลอง
     ช่วงความสนใจ
      • ต้องมีก่อนการเรียนรู้อื่นๆ
      • จดจ่อต่อกิจกรรมในช่วงเวลาหนึ่งได้นานพอสมควร
    
     การเลียนแบบ
     การทำตามคำสั่ง คำแนะนำ
      • เด็กได้ยินสิ่งที่ครูพูดชัดหรือไม่
      • เด็กเข้าใจคำศัพท์ที่ครูใช้หรือไม่
      • คำสั่งยุ่งยากซับซ้อนไปหรือไม่
     การรับรู้ การเคลื่อนไหว
      • ได้ยิน เห็น สัมผัส ลิ้มรส กลิ่น
                        V
                        V
                        V
      ตอบสนองอย่างเหมาะสม
     การควบคุมกล้ามเนื้อเล็ก
      • การกรอกน้ำ ตวงน้ำ
      • ต่อบล็อก
      • ศิลปะ
      • มุมบ้าน
      • ช่วยเหลือตนเอง



     ตัวอย่างอุปกรณ์สำหรับเด็กพิเศษ
      • ลูกปัดไม้ขนาดใหญ่
      • รูปต่อที่มีจำนวนชิ้นไม่มาก








     ความจำ
      • จากการสนทนา
      • เมื่อเช้าหนูทานอะไร
      • แกงจืดที่เรากินใส่อะไรบ้าง
      • จำตัวละครในนิทาน
      • จำชื่อครู เพื่อน
      • เล่นเกมทายของที่หายไป
     การวางแผนการเตรียมพื้นฐานทางวิชากา
      • จัดกลุ่มเด็ก
      • เริ่มต้นเรียนรู้โดยใช้ช่วงเวลาสั้นๆ
      • ให้งานเด็กแต่ละคนอย่างชัดเจนว่าต้องทำที่ไหน
      • ติดชื่อเด็กตามที่นั่ง
      • ใช้อุปกรณ์ที่เด็กคุ้นเคย
      • ใช้อุปกรณ์ที่เด็กคุ้นเคย
      • บันทึกว่าเด็กชอบอะไรที่สุด
      • รู้ว่าเมื่อไหร่จะเปลี่ยนงาน
      • มีอุปกรณ์ไว้สับเปลี่ยนใกล้มือ
      • เตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนเด็กมาถึง
      • พูดในทางที่ดี
      • จัดกิจกรรมให้เด็กได้เคลื่อนไหว
      • ทำบทเรียนให้สนุก


เพิ่มเติม
     * IEP >> แผนสำหรับเด็กพิเศษ (แผนระยะยาวทำขึ้นเพื่อใช้กับเด็กคนเดียว)
     * ห้องเรียนคู่ขนาน >> คือห้องเรียนสำหรับเด็กออทิสติก
     * เด็กพิเศษเรียนรู้ผ่านการเลียนแบบเพื่อน


ความรู้ที่ได้รับและการนำไปใช้
         ได้ความรู้เกี่ยวกับเด็กพิเศษและเด็กที่มีความบกพร่องทางด้านต่างๆ และยังได้ทบทวนความรู้
เดิมจากการเรียนการสอนเด็กพิเศษที่ผ่านมา สามารถนำไปใช้ให้เกิดความจำที่แม่นยำที่ดีกว่าเดิม

การประเมิน
   - ประเมินตนเอง : ตั้งใจเรียน ตั้งใจฟังอาจารย์อธิบาย 
   - ประเมินเพื่อน   : ตั้งใจเรียน ให้ความร่วมมือในการฟังเมื่อครูสอน
   - ประเมินอาจารย์ : ตรงต่อเวลา เตรียมการสอนมาได้ครบถ้วนและดีมาก